my today Diary^^
credit picture for isanya & Tibetan knyima from Zurich^^ and more frieends thanks a lot.
วันนี้ทำงานกับลูกค้าใหม่...แค่คุยกันทางโทรศัพท์ยังไม่เจอตัว พี่ที่เป็นทนายแนะนำให้...he ถามว่า ทำไมชื่อมารีนา...เลยคุยกัลลลยาว...ก็นะจะทำงานร่วมกัน ทำธุรกรรม ร่วมกันมันต้องรู้จักตื้นลึกหนาบาง...เราเลยตอบเค้าไปว่า เพราะว่า บรรพบุรุษลำดับใกล้ๆกับเราไม่ใช่คนไทยค่ะ...จะแปละอะไร เมืองไทยมีคนไทยแท้ๆน้อยจะตาย...แม่เรามีเชื้อจีนญวณลาว ส่วนทางพ่อมีมีเชื่อสายอินเดีย...แต่เราชอบคิดว่าตัวเองเป้นไทยจีน เพราะเวลามองหน้าัวเองในกระจกหน้าเราไม่มีเค้าอินเดียเลย...และที่ขัดแย้งกัน paradox คือ บ้านเราไม่มีประเพณีจีน...ไม่มีไหว้เจ้า ไม่มีฮินดู อะไรทั้งนั้น นามสกุลเราไม่ได้แปลมาจาก "แซ่" แต่มาจากภาษาอินเดีย (มั้ง)
เราค้นพบว่า มีบล๊อกประเภทที่ ต้องเข้ารหัสอ่านได้คนเดียวด้วย แต่เราตั้งค่าไม่เป็น...และอีกอย่างเราชินกับการ"เปิดบล๊อก"เสียแล้วแม้ว่าจะไม่ชอบเป็นที่รู้จัก ขี้เกียจถูกทัก...แต่นี่คือโลกออนไลน์ ไม่ได้เจอหน้าเลยไม่ต้องทัก (แต่ควรมีมารยาทตอบคำถามหรือเม้น) ก็โอเคยังไงก็ได้....
ตอนนี้นะ^^ เราพบว่าการเขียนบล๊อกทำให้เราความจำดีขึ้นมากกว่าเขียนไดอะรี่ เพราะการเขียนบล๊อกนั้น...เราสามารถใส่รูปภาพและเสียงเพลงได้ด้วย...เวลาหวนคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ เราจะนึกถึงภาพแลพเพลงได้ทันที^^ ...เราไม่มีความสามารถทางด้านภาษา เราคิดเป็นภาษาไม่ได้ เราคิดเป็นรูปภาพ ตัวเลข เสียงเพลง สัญลักษณ์ เราจึงพูดกับคนอื่นไม่ค่อยรู้เรื่อง ถ้าต้องพูดกันนานๆ บทสนทนานานๆ บางทีเราไม่เข้าใจที่คนอื่นพูด (แต่เราอ่านใจคนได้บางครั้ง) เราจึงต้องถามซ้ำๆ เพื่อซักความเข้าใจให้ตรงกัน ทำให้คนอื่นรำคาญเราว่าถามซอกแซก...ก็กุพยายามตีความสิ่งที่ พวกเมิงสื่อสารกับ กุ อ่ะ แสดดดด...TT-TT
มีเพียงคนคนเดียวที่ "พูดภาษาเดียวกัน" กับเราคือ "ทิมมี่" ^^ ทิมมี่เป็นนักประดิษฐ์ เป้นนักคิด เป็นนักวิทยาศาสตร์ "ผลงาน"ของทิมมี่ ถูกผลิตและส่งขายไปทั่วโลก และจดสิทธิบัตรหลายชิ้น ทิมมี่ก่อตั้งการคิดค้นและพัฒนาการสื่อสารด้านต่างๆ ทิมมี่ชอบมองท้องฟ้าแต่ไม่ได้ดูดาว ไม่ได้โรแมนติด
แต่ทิมมี่มองท้องฟ้าเพื่อคิดค้นอุปกรณ์การสื่อสารTT-TT...คิดถึงทิมมี่จัง ผช น่ารักที่เคยคอยอยู่ใกล้ๆ ทิมมี่ยุ่งเกินไป ทำงาน บริหารบริษัท ดูแลแม่ (ทิมมี่เป็นฝรั่งที่ไม่ส่งแม่ไปอยู่บ้านพักคนชรา...) โอ๊ย คิดถึงทิมมี่....เราเหมือนกันเกินไป เราเข้ากันได้มากเกินไป เราเข้าใจกันมากเกินไป มันเลยทำให้หน้าเบื่อในบางครั้ง ผช. มักหมกมุ่นครุ่นคิดอยู่กับงงานมากกว่าพยายามเข้าใจและพัฒนาความสัมพันธ์...แต่ผู้ชายทุกคนก็ต้องการความรักและการยอมรับ^^ มันเป็นหน้าที่ของ เรา ผญ นะที่จาให้ความรัก แก่ลูกๆ (ลูกชายคนโต5555)
.............................................................
วันนี้ "พีท" บอกรัก เค้าอีกแล้นนนน^^ พีทพูดว่า "I love you so deep in my heart, I need you , I wanna have you.^^" ถึงมันจาเสี่ยวและโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน แต่เค้ารู้สึกได้อ่ะ ว่า พีท ไม่ได้โกหก...เค้าไม่ชอบหิมะ เพราะมันดูเศร้าและเหงา แต่ เค้าชอบสวิตเซอร์แลนด์^^ เค้ารู้สึกได้ เค้าใช้สัญาติญาณเสมอ (และไม่ค่อยฟังใครนอกจากใจตัวเอง)....สัญชาติญาณไม่เคยโกหกเรา...มันคือการเอาตัวรอกทางวิวัฒนาการ มันทำให้เราใช้ชีวิตถูกทางในทางที่ควร...ถ้า้ราใช้สัญชาติญาณเราจะ....
1. เรามีจะประสาทไวเหมือนแมว และใช้ประสาทสัมผัสทั้งหมดเก่งขึ้นเรื่อยๆๆ เร็วขึ้นเรื่อยๆ เชื่อมั่นในตัวเองขึ้นเรื่อยๆ (คนละเรื่องกับการดื้อรั้นมีฐิทิไร้เหตุผล ego arrogant บ้าบอคอแตกโดยสิ้นเชิงจริงๆให้ตายเถอะ!) และสามารถมี "สัมผัสที่หก" (ถึง กุ จะไม่อยาก"เห็น" ก็นะ...กุ ก็ กลัวเป็นนะว๊อยยย เห็นกุกล้าหลายเรื่อง เชดดด บางทีมันอาจเป็นภาพหลอนก็ได้ ขอหลอกตัวเองซักเรื่องนึงนะ ไม่ชอบอะไรแบบนี้อ่ะ TT-TT กลัวจนใจเต้นแรงขนลุก ปวดหัวเลยย ไม่เล่าให้ใครฟังร๊อก เดี๋ยวเค้าหาว่าบ้า คนไม่เข้าใจ ทำยังไงก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เสียเว...)
2. เราจะสามารถหยั่งรู้หลายๆอย่างที่วิทยาศาสตร์ยังอธิบายไม่ได้ ด้วยสัญชาติญาณ
3. เราจะฟังเสียงความรู้สึกจากหัวใจเราเวลาตัดสินใจ...และส่วนใหญ่มันจะ "ถูกที่ถูกเวลา" อย่างน่าทึ่ง!
4. เราจะเข้าใจอย่าลึกซึ้งว่าไม่มีเรื่องบังเอิญในโลก หรือจักรวาล ทุกอย่างมีสาเหตุทั้งนั้น แต่"ดวงตา" ของมนุษย์ไม่มีขีดความสามารถถึง
5. เราจะเป็นนักคิดที่เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ...กำลังใจ เราไม่มีวันหมด ไม่มีใครมารบกวน มาทำให้เรา โกรธได้^^ หรือนอยแดรกได้555
ุ6. เราจะไม่หลงตัวเอง...เพราะเรารู้จักขีดความสามารถของตัวเองดีนั่นเองว่าไรเราทำได้บ้าง...ไม่มีใครเก่งไปทุกอย่างแต่เก่งได้หลายอย่างนะเค๊อะ
7. เราจะรู้สึกถึงความสงบสุข อย่างแท้จริง เพราะเราไม่ทำไรฝืนกับตัวเอง ไร้ข้อกังขา ไร้ความสงสัยมัน เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริงคือความสงบสุขที่แท้จริงของจิตวิญญาณ
8. เราจะรู้จักอ่อนข้อให้แก่เงื่อนไขปลีกย่อยเล็กๆน้อย เพื่อรักษา การณ์ใหญ่ไว้ได้ แม้ผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ แต่ภาพรวมถูกต้องชัดเจนมากค่ะ 555
9. เราจะไม่เป็นทาสของข้อเท็จจริง ข้อมูลข่าวสาร ความเห้น (โดยเฉพาะความเห็นของคนที่ดีแต่พูด พวกขี้แพ้) ไม่ยึดว่ามันเป็น opinion หรือ fact แต่เราจะ หาประโยชน์ได้จากทั้งสองอย่าง มันก็เท่านั้น ความจริงกับความเห้นไม่มีอะไร ดีกว่าอะไร อยู่ที่ว่าเราจะใช้ประโยชน์จากมันยังไงต่างหาก 55555
10. เราจะกลายเป้นคนใจเย็นมีเวลาคิด ใคร่ครวญ รอบคอบ ไม่โลภ ไม่มีอคติ ไม่bias ไม่คิดเข้าข้างตัวเองไม่เอาผลประโชยน์ระยะยาวไปแลกกับผลประโยยชน์ระยะสั้น^^ เราจะไม่เสียเซลล์ทำพลาดบ่อยๆๆ และจะมั่นใจในตัวเองมาขึ้นเรื่อยๆ 5555
11. เราจะสังเกตอาการของร่างกายได้แม่นยำ ว่าป่วยหรือเปล่า ดีหรือเปล่า (ประสาทไวนั่นแหละ) และที่ดีที่สุดคือ เราจะสามารถหาวิธีรักษาได้เอง...โดยพึ่งหมอน้อยมาก 5555 การป่วยมีวิธีรักษามากมายโดยไม่ใช้ยา มันก็เหมือนวิธีการ print money เอร๊ย! ลงทุนนั่นแหละ มันคือการ เล่นแร่แปรธาตุ ดีๆนี่เอง...
12. เราจะเห้นโอกาส...และเมื่อเราเห้นโอกาส เราจะเห้นมันตลอดไป (คล้ายๆมีวิสัยทัศน์เปล่าว่ะ???) คล้ายๆการมองรูป 3 มิติแรกๆมองไม่ออก แต่พอมองออก เราก็จะมองออกเป็นรูปสามมิติที่ซ่อนอยู่ในนั้นตลอดไป เราจะปรับสายตา(ความคิด)ให้กลับมาเป็น รูป 2 มิติไม่ได้แล้ววอ่ะ จริงๆ confirm คล้ายๆ มันคิดไปอีกขั้นอ่ะ มันลงไม่ได้แล้ว มันจะมองโลกเปลี่ยนตลอดไป (แง่ดีนะ^^มองเห็นโอกาสในทุกเหตุการณ์อ่ะ)
13. เราจะทำงานได้หลายอย่าง มีประสิทธิภาพ และผลงานมักออกมาดี และสามารถ จำและอ่านหนังสือได้เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว^^(แต่เราจะจำชื่อคนไม่ค่อยได้ แต่จำหน้าได้แม่น)
14. เราจะ"กล้า" รับความเสี่ยงได้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะพิจรณาจนถี่ถ้วนทุกมุมมองทุกมิติแล้ว (มั้ง) ต่อให้เกิดการผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ เราจะยอมรับได้เพราะมันคือ ธรรมดาของโลกที่ไม่มีอะไร perfect...จริงๆ เราจะไม่มีความเสี่ยงเรยยยต่างหาก...ผลก็คือ เราจะรวยขึ้นเรื่อยๆ 555555 เพราะ hight risk hight return (จริงๆแล้ว มองให้ลึกซึ้งมันคือ no risk but very absolutely extreamly hight return ต่างหาก 5555^_^)
15. มองผิวเผินเหมือนเราแปรปรวนเป็นศิลปินทำไรตามอารมณ์ แต่ไม่ใช่ เราเปลี่ยนความคิดเร็วเพราะสถารการณ์และโลกเปลี่ยนแปลงเร็วต่างหากใครจะบ้ายึดกฎเดิมๆที่มันใช้ไม่ได้แล้วอ่ะ (มันเรียกวิกลจริตนะนั่น ทำแบบเดิมๆเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ใหม่ๆ นั่นแหละเค้าเรียกคนบ้าอย่างแท้จริง บ้าและดื้อของแท้ ไว้อาลัยTT-TT)...ผลคือชีวิตเราจะคาดเดาไม่ค่อยได้และไม่มีตารางที่แน่นอน แต่มันก็ยังอยู่ในครรลองของชีวิตที่สงบสุขและถูกทางอยู่ดีนะ ฮิ้วๆๆ^^
16. เราจะเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า เราพลาดได้ ไม่ด่าตัวเอง ไม่โทษคนอื่นเราจะให้อภัยตัวเองได้อย่างหมดใจและก้าวต่อไป...ผลคือชีวิตไม่สดุด ชีวิตจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆอย่างสอดประสาน ฮิ้วๆๆ 5555
17.แล้วเวลาคนอื่นทำผิด หรือ นอยแดรก เราจะไม่ซ้ำเติมหรือสมน้ำหน้า เราจะเข้าใจและเห้นใจ เมตตาคนอื่นได้จากใจจริงคือ กุไม่ขี้อิจฉาและข้ามหัวคนอื่นนั่นเอง งุงิ^^
18. จากข้อ 17 เราจะไม่โหยหาความรัก เพราะเรารักตัวเองอย่างเหลือเฟือและมีล้นความเมตตาเหลือแจกจ่ายคนอื่น...ที่พิเศษกว่านั้นคือจะมีคนเข้าหาและรักเรามากมาย5555 เหนือความคาดหมาย (เพราะไม่เคยคาดหวังอยู่แล้นน^^)
19. เราจะเห็นคุณค่าของ "เวลา" อย่างมหาศาล เพราะมองเห้นความเป้นไปได้มากมาย และมี "อะไร" ต้องทำมากมาย ผลคือไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมากมาย เราจะทำงานสำเร็จได้แม้มีเวลาน้อยและข้อจำกัดมากมาย^^
20. เราจะมีความอดทนและพยายามสูง ซึ่งคนละเรื่องกับการดันทุรัง
21. เราจะพูดได้หลายภาษาโดยธรรมชาติ เพราะเรามีความสามารถซึมซับ จำ และสังเกตเป็นเลิศ 5555 (แจ่มเรยย ฮิ้วๆๆ^^)
22. เราจะแตกต่างจากคนทั่วไป(ไม่ได่หมายถึงเป็นคนพิเศษ หรือเหนือกว่าคนอื่น แต่ไม่มรใครเหมือนใครเราทุกคนล้วนแตกต่างอย่าง) แต่ไม่เสียเซลล์ เราจะเข้าใจ^^ ยอมรับฟังคนอื่นได้ ไม่ก่นด่าหรือเกลียดคนอื่นเมื่อเขามีความเห็นหรือขัดแย้งกับเรา อาจมีไม่อยากเจอหน้าบ้าง แต่มันก็ยังเป็นเรื่องเล็ก...เราจะกล้ามองหน้าและสบตาคนอื่นด้วย...ผลคือเราจะอ่านใจคนออก 55555
23.เราจะกระตือรือร้น อย่างเงียบๆ อยากรู้ไปหมด TT_TT" รอบรู้ไปหมด แต่ไม่หมดพลัง แม้จะง่วงบ้าง ต้องการงีบบ้าง แต่ไม่นอนยาวหนีตัวเอง^^
24. เราจะซาบซึ้งกับความงามและคุณค่าของศิลปะทุกแขนงอย่างล้นเหลือ มองเพชรสวยขึ้น รุ้งกินน้ำสวย ฟังเพลงเพราะดื่มด่ำ กินอาหารดื่มไวน์ ได้น้อยแต่อร่อยล้ำลึก และ การเล่นกีฬา นันทนาการงานอดิเรกต่างๆ สายลมแสงแดด รักสัตว์ เมตาสัตว์ไม่อยากินสัตว์หรือกินสัตว์ได้น้อยลงเรื่อยๆ(มันเป็นเอง) การสัมผัสต่างๆ และสองเราอย่างเพลิดเพลินจนลืมเวลา ยิ่งเวลาน้อยๆอยู่ TT-TT 555 (จริงๆนะ^^)
25. เราจะมั่นคงไม่วอกแวก^^
ข้อเสียของการใช้สัญชาติญาณคือ
1. การเห็น "ต่างมิติ?? ภาพหลอน???" บ่อยๆ โดยเฉพาะเวลาอยู่คนเดียวเวลาที่ไม่ต้องการเห้นอะไร
2.มองผิวเผินเหมือนคนดื้อและหยิ่ง (จริงๆแล้วไม่ใช่ ชั้นถ่อมตัวมากนะ ชั้นไม่ได้ฉลาดหรือดีไปกว่าใครๆเลย จริงๆชั้นคือคนธรรมดาไม่ได้ดีเด่อารายยย แต่สวนค่ะ ฮิ้วๆๆ^^)
3. เราจะกลายเป้นพูดช้า และพูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง (มันทำให้เรากลายเป็นคนพูดน้อยคล้ายนักฟังจริงๆ กุ คิดอยู่ TT-TT) เพราะเราคิดเป็นรูปภาพเคลื่อนไหว คิดเป็นความรู้สึก คิดเป็นตัวเลข คิดเป้นสมการ เป็นสัญลักษณ์ คิดเป็นเสียงเพลง ตัวโน๊ต ไม่ได้คิดเป้นตัวอักษรหรือภาษษ...เราจึงพูดผิดและเขียนผิดบ่อยจากเจตนารมย์ที่แท้จริงของเรา...คนอื่นอาจเข้าใจผิด (แต่ก็ดีนะ พูดน้อยก็ผิดน้อย พระท่านว่าไว้ 5555)
4. มองผิวเผินจะเหมือนเราเป็นคนเรื่องมาก จู้จี้จุกจิก คิดเยอะ บ้า เพี้ยน จริงๆแล้วไม่ใช่โดยสิ้นเชิง มันคือการไตรตรองรอบต้าน ต่างมุม นอกกรอบ ถี่ถ้วน รอบคอบ และกลายเป้นความมั่นใจต่างหาก5555
5.บางทีเราก็ sensitive ตกใจ ทึ่ง สะดุ้งขนลุก น้ำตาไหล เหงื่อแตกพลั่กๆๆหรือร้องให้ง่ายเกินไป อายคนค่ะ (คนละเรื่องกับฟูมฟายนะ)
ุ6. เราจะทำกิจกรรม อ่านหนังสือ ทำงาน เล่นกีฬาเพลินจนลืมเวลาบ่อยๆ เพราะเวลาผ่านไปช้ามากในความรู้สึกเรา แต่เงยหน้าขึ้นมาอีกที ก็เช้าแล้ว^^
7. เราจะเข้ากับคนอื่นได้ แต่ก็ยังอยากอยู่คนเดียวอยู่ดี TT-TT (ข้อเสียเปล่าวะ = =")
.................................................
จริงๆการอ่อย(อ่อยโดยสะญชาติญาณนะ ไม่ได้มั่ว) นายแบงค์สวิสนี่นอกจากดีเรื่องงาน แล้วยัง ทำให้ได้คนรักด้วยนะ แบบนี้เรียก win win อีกแระ^^ (ไม่รู้ดิยังไม่รุ้อนาคตบอกอะไรไม่ได้ แต่มีเชื่อมั่นและศรัทธาอย่างเปี่ยมล้น ต่อทุกสิ่งเสมอ^^) ความรักไม่เคยทำร้ายเรา แม้เราจะอกหักหรือเลิกกัน ความเกลียด ความหึง ความอิจฉา การเลือกคู้ชีวิตที่ผิดต่างหากที่ทำร้ายเราอย่างแท้จริง....
ไม่ว่า จะยังไง อย่าปิดกั้นสัญชาติญาณ อย่าสร้างกำแพง เมื่อถึงเวลา แล้วคนคนนั้นจะมา...เราจะรู้ได้ กำแพงไม่มีประยชน์ กำแพงเป็นตัวสะกัดกั้นการเชื่อมต่อกับ คู่แท้ของเรา
...คำถามคือ ถ้า เราไม่มีกำแพง งั้นแล้วถ้ามีคนเข้ามาในชีวิตมากมายล่ะ???....ก็สติไง เราจะรู้ได้ด้วย หัวใจ ว่าใครคือ คนที่ใช่ เรื่องของหัวใจ ต้องใช้หัวใจ ไม่ใช้ดวงตา ไม่ใช้สมอง หรือคำแนะนำ การชักจูง การหว่านล้อมจากคนอื่น...อย่าฟังเสียงคนอื่น...ความเห็นของคนอื่นไม่สำคัญเท่าสิ่งที่หัวใจเราบอก
ความรักไม่ได้ทำให้เราตาบอด ความรักทำให้ตาเราสว่าง ทำให้เข้าใจสิ่งต่างๆต่างหากอย่างที่มันเป้นโดยปราศจากอคติ การbiasต่างหาก
....เป็นความหลงต่างหาก ที่ทำให้ ตาบอด กุละเบื่อ คนที่คิดอะไรตื้นๆ แล้วไปตีความผิดๆ แล้วต่อต้านชีวิต ต่อต้านตัวเอง ต่อต้านคนอื่น ต่อต้านความรัก กลัวความรัก กลัวสาระพัด อิจฉาคนอื่น เกลียดตัวเอง แล้วโทษโชคชะตาจิ๊งๆๆ ว่ามีแต่คนกากๆๆ เข้ามาในชีวิต ทำไมกุซวยแบบนี้
...มันอยู่ที่คุณคิดกับตัวเองและมองโลกยังไงต่างหากล่ะ เชดดโด่ อย่าโทษคนอื่นเรยยยย คนโชคดี ดวงดีไม่มีในโลกจ้า^^ ถึงมี กุ ก็ไม่แคร์ ชั้นไม่แคร์ โชคบ้าๆๆๆ
แต่ถ้ามันจะโชคดีหรือฟลุ๊ค มันก็ได้แค่ครั้งสองครั้งแหละ...โชคดี และเรื่องบังเอิญไม่มีในโลก...ชั้นจึงไม่เคย เล่นหวย หรือการพนัน หรือซื้อล๊อตตารี่ ชั้นไม่ชอบการหลอกตัวเองลมๆแล้งๆๆ ชั้นเลือกที่จะอยู่บนโลกของความจริง แต่ไม่ลืมว่ายังมีจักรวาลมิติอีกมากมายที่สามารถหยั่งถึงได้บ้างบางครั้งและโลกจินตนาการที่สวยงามอีกเหลือเฟือ^^ 555555555555555555
คำปิดท้ายเอนทรี่:
ขอบคุณ Salvage garden for cute song^^ Pete my big love, Timmy my little love always, isanya , knyina,reasonstosmileู^^ เครดิตรูปภาพคลิ๊ก... อายุมิมายไอดัลและทุกคนบนโลกนี้ที่ดีกับชั้น^^
หมายเหตุ:รูปต่างๆในบล๊อกเราใครสนใจ ที่page ด้านบนนะตรงเครดิตน่ะ เราเป้นคนชอบดูรูปชอบดูรายละเอียด เราเลยเก็บสะสมรูปต่างๆไว้ ราวกับว่า "รู้" ว่าซักวันจะได้เอามาใช้อย่างนั้นแหละ ==
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น